Sunday, August 7, 2011

การบ้านรอ 'นายกฯปู' สาง...ปากท้อง-เศรษฐกิจโลกจ่อคิว


การบ้านรอ 'นายกฯปู' สาง...ปากท้อง-เศรษฐกิจโลกจ่อคิว
ดิฉันจะทำอย่างเต็มที่ค่ะ เชื่อว่าพี่น้องประชาชนจะให้โอกาส เป็นประโยคแรกที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ได้ประกาศต่อสาธารณชนหลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเลือกให้เป็นนายกฯคนที่ 28 ด้วยคะแนนเสียง 296 ต่อ 3 คะแนน เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา และคาดกันว่าภายในไม่กี่วันนับจากนี้ไทยจะมี ครม.ชุดใหม่อย่างเป็นทางการ
   
ส่วนจะเป็นที่ถูกอกถูกใจกันหรือไม่...ก็ไม่มีความหมาย เพราะในเมื่อคะแนนเสียงส่วนใหญ่กว่า 15 ล้านคนได้ทุ่มเททุ่มใจเพื่อให้ "ยิ่งลักษณ์" ได้เป็นนายกฯ คนใหม่ ดังนั้นหน้าตารัฐบาลที่ออกมาเป็นอย่างไรคงไม่สำคัญเท่ากับ "ฝีมือ" ในการบริหารให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ท่ามกลางปัญหาสารพัดที่กำลังรอนายกฯ คนใหม่เข้ามาพิสูจน์...
   
ทั้งปัญหาข้าวยากหมากแพงที่ชาวบ้านกำลังเดือดร้อนอย่างหนัก ไม่ว่าเป็นราคาหมู ไก่ ไข่ ที่แพงหูฉี่อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่นายกฯ หญิง ต้องรีบเข้ามาสะสาง เพราะหากไม่รีบทำรัฐบาลชุดใหม่จะโดนชาวบ้านไม่ปลื้มเอาง่าย ๆ  เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับรัฐบาลชุดก่อน
   
หรือแม้แต่คำมั่นสัญญาที่ให้ไว้เพื่อแลกกับคะแนนเสียงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทั้งเรื่องของค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท การรับจำนำข้าว 15,000 บาท ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของหลายฝ่ายว่านโยบายเหล่านี้เป็นการซ้ำเติมให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อ ปัญหาการเงินของประเทศ แต่ทุกคะแนนเสียงที่ทุ่มเทใจให้ไปก็กำลังเฝ้ารออยู่อย่างใจจดใจจ่อ
   
ไม่เพียงแค่นโยบายของพรรคเพื่อไทยและนายกฯหญิงที่ได้หาเสียงเอาไว้เท่านั้น ที่ต้องพิสูจน์ฝีมือให้เห็น แต่ยังมีอีกสารพัดโครงการ ทั้งโครงการที่ยังค้างเติ่งโครงการที่รอสานต่อ หรือโครงการที่ต้องยกเลิกซึ่งอาจเป็นเพราะ "บาดใจ" หรือเป็นโครงการที่เดินต่อไปไม่ได้ ซึ่งบรรดาหน่วยงานต่าง ๆ เตรียมชงให้รัฐบาลใหม่ตัดสินใจ
   
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ภาวะเศรษฐกิจโลกกำลังผันผวน ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่านายกฯหญิงและรัฐบาล สามารถผลักดันให้มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดได้หรือไม่ เพราะอดีต รมว.พาณิชย์ อย่าง "พรทิวา นาคาศัย" ได้ทิ้งผลงานชิ้นโบแดง ทั้งการปรับโครงสร้างตลาด การบริหารจัดการ การจัดกิจกรรมส่งเสริม ที่ทำให้การส่งออกในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการหนุนการค้าชายแดนเพื่อเปิดรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในอีก 4 ปีข้างหน้า ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยดันให้การส่งออกขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ชนิดหักปากกาเซียนกูรูแทบทุกสำนักงาน หรือแม้แต่งานชิ้นเอก "เศรษฐกิจสร้างสรรค์" ที่เพิ่มรายได้เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าไทยและยังเป็นหนึ่งในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 ที่ต้องผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมด้วย
   
นอกจากนี้ยังมีมาตรการลดค่าครองชีพให้กับประชาชนทั้งการขึ้นรถเมล์ฟรี รถไฟชั้น 3 ฟรี หรือค่าไฟ 90 หน่วยฟรี สำหรับบ้านที่มีมาตรวัดไฟฟ้าขนาด 5 แอมป์ ที่เชื่อแน่ว่าทั้ง 3 มาตรการนี้ กลายเป็นมาตรการถาวรในอนาคตเพราะเป็นโครงการที่รัฐบาลไทยรักไทยเป็นผู้กำหนดขึ้นมาเอง รวมไปถึงเรื่องหนี้สินของประชาชน  แม้ว่าปลายรัฐบาล ปชป. ได้ตั้งไข่ทิ้งไว้หลายโครงการ แต่เชื่อแน่ได้ว่ารัฐบาลชุดใหม่น่าจะสานต่อไปเพราะล้วนเป็นเรื่องที่ทำเพื่อประชาชนชาวฐานรากอย่างแท้จริง ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้ เช่น กองทุนการออมแห่งชาติ  (กอช.) ที่ดูแลแรงงานนอกระบบกว่า 24 ล้านราย
   
หรือแม้แต่เรื่องของหวยออนไลน์ที่ค้างเติ่งมานานตั้งแต่ปี 49 ที่แม้จะมีบทสรุปจากรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ ว่าให้เป็นหวยออนไลน์แบบเลข 6 ตัว แต่ด้วยผลประโยชน์มหาศาลจากโครงการนี้คงต้องรอดูว่านายกฯหญิงจะเลือกหนทางใด เช่นเดียวกับอีกสารพัดโครงการที่ใช้สถาบันการเงินเฉพาะกิจเป็นเครื่องมือทั้งเรื่องของบ้านหลังแรก 0% การพักหนี้ การประกันภัยพืชผล
   
แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ การบริหารจัดการรายได้และรายรับให้เหมาะสม มีเงินเหลือมาลงทุน ใช้จ่ายงบประจำได้ โดยที่ไม่ต้องกู้เงินเลย ตามที่พรรคพท.เคยหาเสียงไว้ หรือต้องกู้ให้น้อยที่สุด เพื่อให้กระทรวงการคลังเดินหน้าเข้าสู่กรอบงบประมาณสมดุลได้ภายในปี 58 นี้ ตามพันธสัญญาที่ทำไว้กับสำนักงบประมาณ เพื่อไม่ให้หนี้สาธารณะพุ่งสูงขึ้นไปกว่าปัจจุบันที่กว่า 42% แล้ว แม้ว่าจะยังมีเพดานให้สามารถก่อหนี้สาธารณะขึ้นไปได้ถึง 48% ก็ตาม
   
ขณะที่ยังมีมาตรการสำคัญ ๆ ที่ยังรอการตัดสินใจจากรัฐบาลชุดใหม่ เช่น โครงการเปลี่ยนรถแท็กซี่แอลพีจีเป็นเอ็นจีวี การปรับโครงสร้างราคาก๊าซซีเอ็นจีสำหรับรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์เอ็นจีวี เพราะปัจจุบันราคาต่ำ ต้นทุนที่แท้จริง 2-4 บาทต่อ กก. การปรับโครงสร้างก๊าซแอลพีจี (หุงต้ม) ในส่วนของภาคขนส่งและครัวเรือน เช่นเดียวกับแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)  การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ การพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (อีโคทาวน์) และการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์
   
ไม่เพียงเท่านี้ยังมีเรื่องของกระทรวงคมนาคมที่รอรัฐบาลชุดใหม่มาสานต่อที่มีทั้งเผือกร้อน เผือกอุ่น ๆ ไล่ตั้งแต่โครงการเผือกร้อนอย่างการแก้ปัญหาบริษัท วอลเตอร์บาว อดีตผู้ถือหุ้นบริษัท  ทางยกระดับดอนเมือง  หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ ฟ้องร้องให้รัฐบาลไทยชดใช้ค่าเสียหายกว่า 29 ล้านยูโร ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป รวมถึงการแก้ปัญหาโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต ลิงก์ แอร์พอร์ต ร้าง ที่ตอนนี้อาการเริ่มร่อแร่ หลังกระทรวงการคลังไม่อนุมัติหาเงินกู้ก้อนใหม่ให้ ทำให้ต้องบริหารงานแบบกระท่อนกระแท่นไปก่อน แถมคุณภาพทั้งตัวรถและตัวสถานีก็ถูกโจมตีจากผู้โดยสารอย่างต่อเนื่อง  หรือจะเป็นโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่ค้างเติ่งมานานหลายรัฐบาลแต่ไม่สำเร็จลุล่วงสักที
               
ส่วนโครงการเผือกอุ่น ๆ ที่รอรัฐบาลสานต่อ คือ โครงการรถไฟฟ้าสารพัดสี ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่พรรคเพื่อไทยประกาศหาเสียง ทำรถไฟฟ้า 10 เส้นทาง ซึ่งก็สอดรับกับแผนคมนาคมอยู่แล้วซึ่งมี 12 เส้นทาง หากนับเฉพาะแผนงานที่เดินหน้าใกล้ประกวดราคา พร้อมเร่งให้สานต่อทันที คือ รถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย สายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่, สายสีแดง ช่วงหัวลำโพง-ตลิ่งชัน-ศาลายา, สายสีน้ำเงิน หัวลำโพง-ท่าพระ-บางแค ส่วนประเด็น 20 บาทตลอดสายต้องมีการหาแนวทางอีกครั้งหนึ่ง รวมไปถึงโครงการถนนไร้ฝุ่น ระยะที่สอง 4,000 กิโลเมตรกว่า ของกรมทางหลวงชนบทให้สานต่อ ซึ่งคาดว่าโครงการนี้จะกลับมาใช้ชื่อ ถนนปลอดฝุ่น แถมยังมีโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหรือมอเตอร์เวย์ของกรมทางหลวงอีก 5 เส้นทาง
   
นอกจากนี้ยังมีโครงการการใช้ประโยชน์สนามบินดอนเมือง  ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลเพื่อไทยจะกลับมาใช้นโยบายสนามบินเดียว (ซิงเกอร์ แอร์พอร์ต) การสานต่อโครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 หลังความจุผู้โดยสารเริ่มเต็มเอี้ยดแล้ว  รวมทั้งสนานบินภูมิภาคต่าง ๆ ด้วย เช่น ภูเก็ต  ตลอดจนโครงการแผนปฏิรูปการรถไฟ ซึ่งที่ประชุมครม. ได้อนุมัติงบประมาณไปแล้วกว่า 1.76 แสนล้านบาท  ถือเป็นโครงการผ่าตัดการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ครั้งประวัติศาสตร์ เพื่อลบภาพไร้คุณภาพ แบบเดิม ๆ  ให้หมดไป เป็นต้น
   
สารพัดโครงการเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น...ที่รอพิสูจน์ฝีมือของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งเชื่อแน่ว่าระหว่างทางของบทพิสูจน์นี้คงไม่ได้โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นคนไทยทั้งประเทศคงได้เห็นฝีมือของนายกฯหญิงคนแรกของไทย....

0 comments:

Post a Comment